Category Archives: การออกกำลังกาย กีฬาน่ารู้ ความรู้เรื่องกีฬา

รับประทานอาหารไม่ระวัง เสี่ยงโรคตับคั่งไขมัน

เดี๋ยวนี้ความประพฤติปฏิบัติการอยู่การกินในชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วทั้งโลกเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยเจอชาวไทยเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคที่มีสาเหตุมาจากการกระทำการกินการอยู่ที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในโรคกลุ่มนี้เป็น โรคตับคั่งไขมัน หรือที่เรียกกันจนถึงเคยปากว่า โรคไขมันพอกตับ โรคตับคั่งไขมันมีต้นเหตุที่เกิดจากหลายกรณี ยกตัวอย่างเช่น โรคอ้วนอ้วน การดื่มสุราอย่างเรื้อรัง การกินยาบางประเภทเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนและก็สเตียรอยด์ ฯลฯ ในที่นี้จะพูดถึงโรคตับคั่งไขมันที่เกิดขึ้นจากภาวการณ์อ้วนอ้วน ซึ่งพบได้ทั่วไปมากมายในสังคมไทยช่วงปัจจุบัน มีเหตุที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่แปรไปเหมือนฝรั่งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น การกินอาหารที่มีแคลอรีสูงพวกคาร์โบไฮเดรตและก็ไขมัน ทำให้เสี่ยงต่อโรคโรคเบาหวาน สภาวะไขมันในเลือดสูงแตกต่างจากปรกติ ความดันเลือดสูง รวมทั้งโรคอ้วนท้ายที่สุด ซึ่งกรุ๊ปอาการดังที่กล่าวถึงแล้วรวมเรียกว่า อ้วนอ้วน หรือกรุ๊ปอาการเมตาบอลิก นอกนั้นการมีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมแล้วก็ขาดการบริหารร่างกายก็เป็นต้นสายปลายเหตุเสริมให้กำเนิดโรคอ้วนนำมาซึ่งการสั่งสมของสารอาหารต่างๆในรูปไขมันด้านในเนื้อตับที่มากกว่าธรรมดา ส่งผลให้เกิดการอักเสบด้านในเนื้อตับเรื้อรัง อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะโรคตับแข็ง แล้วก็เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆของภาวการณ์โรคตับแข็งรวมถึงโรคมะเร็งตับสุดท้าย โรคนี้พบได้มากในคนเจ็บอ้วนอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน คนที่ตรวจเจอเบาหวาน ภาวการณ์ไขมันในเลือดสูง และก็ภาวะความดันโลหิตสูง จะเป็น กรุ๊ปเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคตับประเภทนี้ ในเรื่องที่สงสัยหมอจะกระทำตรวจภาพรังสีวิเคราะห์ของท้องข้างบนพื้นฐานด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ว่ามีลักษณะบ่งชี้ถึงภาวการณ์ไขมันที่คั่งในตับมากยิ่งกว่าธรรมดาไหม คนไข้โรคตับประเภทนี้จำนวนมากมักตรวจเลือดไม่เจอการอักเสบของตับ และไม่มีลักษณะอาการแสดงของโรค โรคนี้นับว่าเป็นภัยเงียบที่ไม่มีสัญญาณเตือน ถ้าเกิดปลดปล่อยไว้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะพบมากว่าผู้เจ็บป่วยโรคตับคั่งไขมันเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแล้วก็หัวใจ ซึ่งเป็นต้นเหตุการถึงแก่กรรมที่เจอร่วมได้หลายครั้งในคนป่วยโรคตับคั่งไขมัน สิ่งจำเป็นของการดูแลรักษาโรคนี้เป็น การลดความอ้วน รวมทั้งการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมเรื่องการกินอาหาร เลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูง ดังเช่นว่า นม เนย น้ำกะทิ ชีส กุ้ง ปูไข่ ไข่แดง ไม่รับประทานของกินที่มีแป้งรวมทั้งน้ำตาลมากเกินความจำเป็น ควรจะลดจำนวนของกินลงในแต่ละมื้อ ไม่สมควรลดความอ้วนด้วยแนวทางงดเว้นของกิน หรือกินผลไม้แทนมื้อของกิน เพราะเหตุว่าพบได้มากว่าการกินผลไม้มากจนเกินความจำเป็นจะก่อให้มีการสะสมน้ำตาลจากผลไม้เป็นไขมันในเนื้อตับท้ายที่สุด มีผลนำมาซึ่งการก่อให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง และทำให้คนป่วยที่เป็นโรคโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ในเรื่องที่คนเจ็บหรูหราน้ำตาลหรือไขมันในเลือดสูงควรจะควบคุมด้านการกินอาหารหรือใช้ยาเพื่อทำให้ผลเลือดเข้าขั้นธรรมดา ยิ่งไปกว่านี้ควรจะเลี่ยงการกินยาที่ไม่มีความจำเป็น ตลอดจนสินค้าเสริมของกินที่อาจมีผลกระทบต่อตับ แล้วก็งดเว้นดื่มสุรา ถ้าพวกเรารู้จักดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย หลบหลีกสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆแล้ว ก็ไม่ได้ยากอะไรที่จะหลบหลีกจากโรคจำพวกนี้ได้ ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีการเสี่ยงหรือเป็นโรคตับคั่งไขมันควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพและก็พลานามัยที่บริบูรณ์

สุขได้หากแม้เป็นโรคไม่มีชีวิตชีวา

คนประเทศไทยเริ่มป่วยด้วยโรคกลัดกลุ้มกันเพิ่มมากขึ้น โดยต้นสายปลายเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคนี้สูงที่สุด เป็น ความตึงเครียดสะสมจากการเดินทางในภาวะการจราจรที่ขัดข้อง งานที่คร่ำเคร่งจำเป็นต้องติดต่อคุยกันแทบจะ 1 วัน  แล้วก็ต้นเหตุรองลงมาก็คือกรรมพันธุ์ ความผิดแปลกด้านสารเคมีในสมอง ทำให้คนเจ็บโรคนี้สูญเสียความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการปรับนิสัยกับสังคมต่ำลง มีชีวิตสันโดษ ลักษณะท่าทางไม่ดี สูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเอง มองโลกในทางลบ แม้กระนั้นคนไข้โรคซึมเซาก็ดูดีมีความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเองได้ด้วยแนวทางกล้วยๆดังต่อไปนี้ 1.อย่าอุตสาหะกำหนดเป้าหมายสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานที่สูงรวมทั้งมีความรับผิดชอบเยอะเกินไป ควรจะแบ่งปัญหาใหญ่ๆให้เป็นส่วนย่อยๆและจัดแถวจุดสำคัญหลังหรือก่อนแล้วก็ลงมือกระทำเท่าที่สามารถทำเป็น เพื่อจะไม่เพิ่มความรู้สึกล้มเหลวในตอนหลัง 2.หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว ควรที่จะเลือกทำกิจกรรมที่จะสร้างความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้น หรือเพลินและไม่หนักเหลือเกินได้แก่ การบริหารร่างกายเบาๆการดูภาพยนตร์ การร่วมทำกิจกรรมด้านสังคม 3.ให้คนสนิทที่เชื่อถือได้ช่วยตกลงใจในหัวข้อสำคัญ เนื่องจากว่าคนเจ็บโรคไม่มีชีวิตชีวาจะมีสภาวะทางอารมณ์ขึ้นสุดลงสุด ทำให้ยากแก่การคิดตกลงใจในหัวข้อต่างๆ 4.สารภาพว่าตนเองเป็นโรคซึมเซา ข้อนี้สำคัญมากที่สุด เนื่องจากหากคุณไม่รับว่าเป็น ก็จะปฏิเสธการดูแลและรักษาและก็ปรับพฤติกรรมสำหรับเพื่อการดำรงชีวิต 5.เลือกทำในสิ่งสุดที่รัก ควรจะใช้เวลาว่างจากการทำงานไปดำเนินงานอดิเรกที่คุณถูกใจ ได้แก่ เล่นเกม ปลูกต้นไม้บริหารร่างกาย ดูหนัง ฟังเพลง สิ่งเหล่านี้สามารถที่จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารความสบายมากขึ้นเรื่อยๆ ลดอาการซึมเซาให้ลดลงกระทั่งเกือบจะปกติ 6.แต่งตัวตามเทรนด์แฟชั่น การแต่งตัวตามเทรนด์แฟชั่นจะช่วยทำให้คุณดูดีขึ้น มั่นใจในตัวเอง แล้วก็มีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าเยอะขึ้น 7.ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม การร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมจะช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าเมื่อทำสิ่งดีๆให้คนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ยังคงใช้เวลาไปกับมิตรภาพใหม่ๆของผู้ที่มีจิตใจสมัครใจทำความดีเพื่อสังคม และก็เมื่อคุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นก็จะรู้สึกมีความเชื่อมั่นในตัวเองแล้วก็แฮปปี้สำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตถัดไปอย่างมีคุณค่าต่อตัวเองแล้วก็คนอื่น

เดินเร็ว-แกว่งไกวแขน’ ปราบห่วงยางรอบเอว

ทราบไหม ทุกๆวันนี้ชาวไทยรูปร่างอวบถึงระดับอ้วน สูงถึง 17 ล้านคน รวมทั้งเสียชีวิตจากโรคอ้วนปีละ 20,000 คนทั้งยัง 1 ใน 3 ของสามัญชนที่แก่มากยิ่งกว่า 35 ปีขึ้นไป เป็นโรคอ้วนอ้วน ด้วยวิถีชีวิตที่รีบเร่ง แล้วก็ความประพฤติที่ย้ำการบริโภคของกิน หวาน มัน เค็ม มากขึ้น และก็การมีกิจกรรมทางร่างกายที่น้อยเกินไป ล้วนมีผลต่อสุขภาพ รวมทั้งเพิ่มการเสี่ยงให้กับโรคอ้วนอ้วนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยปฏิบัติงานที่จำนวนมากมีความประพฤติเนือยนิ่ง นั่งนานชิดกันเกิน 2 ชั่วโมง และก็จะต้องพบเจอกับความตึงเครียดจากการทำงานตลอดระยะเวลา อ้วนอ้วนอันตรายยังไง? ข้อมูลที่ได้มาจาก ‘โครงข่ายคนประเทศไทยไม่มีท้อง’ โดย ที่ทำการกองทุนเสริมสร้างสุขภาวการณ์ (สสส.) ชี้แจงว่า’อ้วนอ้วน’ มีต้นเหตุมาจากการมีไขมันสะสมในท้องจำนวนมาก ยิ่งมีรอบท้องมากแค่ไหน ไขมันยิ่งสะสมในท้องมากมายเพียงแค่นั้น ไขมันที่สะสมนี้จะกระจายตัวเป็นกรดไขมันอิสระไปสู่ตับ จนกระทั่งเป็นต้นเหตุของโรคแทรกพวกโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs (Non-Communicable diseases) ยกตัวอย่างเช่น น้ำตาลในเลือดสูง โรคไขมันในเลือดสูงความดันเลือดสูง เบาหวาน โรคเส้นโลหิตหัวใจ โรคเส้นโลหิตสมอง ฯลฯ ‘เดินเร็ว-แกว่งไกวแขน’ ปราบห่วงยางรอบเอว thaihealth ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ความอ้วนมาใกล้ท้องของพวกเรา มาดูแลสุขภาพตัวเอง ลุกขึ้นยืนมาขยับด้วยวิธีการทำกิจกรรมทางร่างกายให้เยอะขึ้น โดยวันนี้กลุ่มเว็บ สสส. จะมาเสนอแนะการบริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอ ด้วยการเดินแล้วก็การไกวแขนกันจ้ะ นายภควงศ์ ยอดเยี่ยมสินธุ์ หรือ ผู้ฝึกสอนโอ๊ต วิทยากรจากโครงข่ายชาวไทยไม่มีท้อง ชี้แจงว่า การบริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอ เป็นการบริหารร่างกายที่ทำให้หัวใจของพวกเราเต้นเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลลอปรี่ได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งแคลอรี่ที่พึ่งพิงได้รับเข้าไป และก็แคลอรี่ที่สะสมอยู่ในตัวเราในแบบอย่างไขมัน ซึ่งเป็นการบริหารร่างกายแบบสม่ำเสมออย่างต่ำ 30 นาทีขึ้นไป เช่น การวิ่ง ขี่จักรยาน แอโรบิค ว่าย และก็แม้กระทั้ง ‘การเดินเร็ว และก็ การไกวแขน’ ก็ถือว่าเป็นการออกแรงกาแบบคาร์ดิโอประเภทหนึ่ง ทั้งเป็นกิจกรรมที่ง่าย สบาย มัธยัสถ์ ไม่เป็นอันตราย ไม่ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บ แล้วก็ความตึงเครียดแก่ร่างกาย ดังนี้ คู่มือ ลดท้อง ลดโรค ฉบับพลเมือง ได้เสนอแนะแนวทาง ‘การเดิน’ โดยเริ่มจากการเดินช้า เบาๆเดิน แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ต้องรีบราวๆ 3-5 นาที เมื่อเริ่มรู้สึกคุ้นชินให้เพิ่มความเร็วในระดับที่เพียงพอรู้สึกอิดโรย เป็น ยังทักคุยได้ตามธรรมดา แล้วเดินอีกราว 25-30 นาที หลังจากนั้นในช่วงท้ายให้ชะลอความเร็วลง ก่อนเดินอีก 3-5 นาทีแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยหยุด และก็ควรจะเดินให้ได้ระยะทาง 2.5-3.5 กม. หรือ 10,000 ก้าวต่อวัน แต่ว่าถ้าหากมีความรู้สึกว่าการนับก้าวยุ่งยากเหลือเกิน ชี้แนะให้จำแบบง่ายๆแทนว่าควรจะเดินนาน 30 นาที และก็ถ้าหากรู้สึกเหนื่อยในระดับที่บอกเป็นคำๆทิ้งช่วง ให้ชะลอฝีเท้าลง แม้กระนั้นถ้าหากเป็นมาก ให้หาที่นั่งพัก ควรจะเริ่มทำมาจาก 3 วันต่ออาทิตย์ และก็เพิ่มถึงสูงสุด 5-6 วันต่ออาทิตย์ ในการ ‘แกว่งไกวแขน’ การบริหารร่างกายด้วยการไกวแขน จะทำให้เลือดลมข้างในไหลเวียนได้สบาย ไม่ขัดข้อง เนื่องจากใต้หัวไหล่หรือจั๊กกะแร้นั้นเป็นชุมทางต่อมน้ำเหลือง การกระตุ้นให้น้ำเหลืองไหลเวียนดียิ่งขึ้นนั้น ก็เลยจำเป็นต้องพึ่งพาการบริหารร่างกาย ซึ่งการไกวแขนจะช่วยทำให้ต่อมน้ำเหลืองได้ขยับ รวมทั้งทำให้น้ำเหลืองไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมเพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพดีตามมา ‘แกว่งไกวแขน’ ให้ถูกทาง ทำเป็นกล้วยๆ 1.ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกมาจากกันให้มีระยะห่างพอๆกับหัวไหล่ 2.ปล่อยมือทั้งสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ใช้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปด้านหลัง 3.หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งชัน เหยียดข้างหลัง บรรเทา กระดูกคอ หัว รวมทั้งปาก บรรเทาตามธรรมชาติ 4.จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นตีนออกแรงเหยียบลงพื้นให้แน่น ให้แรงจนกระทั่งกล้ามโคนเท้า ต้นขา และก็ท้องตึงๆเป็นใช้ได้ 5.บั้นเอวควรจะให้งอขึ้นนิดหน่อย ระหว่างบริหารจะต้องหดตูด หรือขมิบทวารหนัก เหมือนยกสูงให้หดเข้าไปในไส้ 6.ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่ง สลัดความนึกคิดเพ้อเจ้อ กังวลใจออกให้หมด ตั้งสติให้รู้สึกอยู่ที่เท้า 7.แกว่งไกวแขนไปด้านหน้าค่อยหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไกวไปขข้างหลังแรงหน่อยทำมุม 60องศากับลำตัว จะมีผลให้กำเนิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือให้เสมือนลูกตุ้มแกว่งไกวแขนไปๆมาๆโดยเริ่มจากทำวันละ 500 ถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาโดยประมาณ 30 นาที  ดังนี้ การจัดการแกว่งไกวแขนแต่ละครั้ง ควรจะใช้เวลาขั้นต่ำราว 10 นาทีต่อครั้ง รวมทั้งอย่างต่ำรวม 30 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากนั้น ยังมีวิธีการกล้วยๆจาก สสส. ที่มองเห็นถึงจุดสำคัญของกิจกรรมทางร่างกาย แล้วก็ต้องการให้คนประเทศไทยมีสุขภาวการณ์ที่ดี ได้ให้คำปรึกษาว่าควรจะแกว่งไกวแขนวันละโดยประมาณ 30 นาที หรือ การเดินเร็ว10 นาที แล้วกล่าวในขณะที่เดินว่า ‘มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มดมีฤิทธิ์น่าดู ยู้องค์การอนามัยโลก’ ถ้ากล่าวได้ดิบได้ดี หายใจธรรมดา แสดงว่าความสามารถทางร่างกายธรรมดา แม้เพียงพอกล่าวได้ หายใจหอบ แสดงว่าสมรรถนะทางร่างกายธรรมดา แม้กระนั้นถ้าเกิดไม่สามารถพูดได้ หายใจแรง มีความหมายว่าความสามารถทางร่างกายอ่อนแอ รู้แบบงี้แล้ว ทดลองนำสายวัดมาวัดท้อง โดยเส้นรอบท้องจะต้องไม่เกินความสูงหารสอง ถ้าเกินโน่นหมายคือ คุณเข้าเกณฑ์ ‘สภาวะอ้วนอ้วน’ จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการกิน ลดทอดลดมันเพิ่มผักผลไม้ รวมทั้งเพิ่มกิจกรรมทางร่างกายให้ไวๆ ก่อนที่จะโรคต่างๆจะสอบถามหา