Category Archives: สุขภาพ

น่าเสียดายที่ไม่มีเวทย์มนตร์ที่จะ “แก้ไข” อาการเมาค้างได้ในทันที อย่างไรก็ตาม มีหลายกลยุทธ์ที่สามารถช่วยให้คุณจัดการกับอาการและรู้สึกดีขึ้นเร็วขึ้น: การคืนสภาพ น้ำ: นี่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ตั้งเป้าที่จะดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวัน แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม เครื่องดื่มที่มีอิเล็กโทรไลต์สูง: ลองดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่หรือน้ำมะพร้าวเพื่อเติมอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไปจากการขาดน้ำ อาหาร คาร์โบไฮเดรตรสจืด: ขนมปังปิ้ง แครกเกอร์ หรือข้าวสามารถช่วยทำให้กระเพาะสงบและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี: ไข่ กล้วย หรือผักใบเขียวสามารถช่วยทดแทนวิตามินบีที่สูญเสียไปจากแอลกอฮอล์ พักผ่อน การนอนหลับ: หากเป็นไปได้ นอนหลับอย่างมีคุณภาพเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว การผ่อนคลาย: ทำตัวสบายๆ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ยาแก้ปวด: ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อได้ สิ่งสำคัญ: ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะสุขภาพผิดปกติ เคล็ดลับเพิ่มเติมมีดังนี้ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติม: สิ่งนี้จะทำให้อาการของคุณแย่ลงเท่านั้น หลีกเลี่ยงคาเฟอีน: แม้ว่าคาเฟอีนจะยั่วยวน แต่คาเฟอีนอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้ท้องระคายเคืองได้ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล: สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มพลังงานชั่วคราว แต่อาจทำให้อาการของคุณแย่ลงในภายหลัง จำไว้ว่านี่เป็นเพียงเคล็ดลับในการจัดการกับอาการเมาค้าง และคุณควรปรึกษาแพทย์หากอาการเมาค้างของคุณรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

ระวัง!! นั่งไขว่ห้างสร้างโรคได้  หลายคนคิดไม่ถึงว่าท่านั่งนี้จะเป็นภัยเพราะนั่งทีไรก็รู้สึกผ่อนคลาย และเข้าใจว่าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพได้ แต่นั่นอาจเป็นผลลัพธ์ด้านบวกในช่วงสั้นๆที่สั่งสมอันตรายระยะยาวให้เกิดขึ้น การนั่งไขว่ห้างเป็นภัยสร้างอาการไม่พึงประสงค์ให้ร่างกายได้อย่างไรไปดูกัน  แม้จะทราบข้อเสียของการนั่งไขว่ห้างแต่ในชีวิตจริงเราคงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก หากจะต้องนั่งท่านี้บ้างก็ควรนั่งช่วงสั้น ๆ สัก 5 นาที และควรสลับข้างเป็นระยะ หากเมื่อยควรเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเหยียดขา ลุกเดิน หรือไปเข้าห้องน้ำให้ร่างกายเคลื่อนไหวแทนการใช้ท่าไขว่ห้างจะปลอดภัยกับร่างกายมากขึ้น

การดำเนินชีวิตในทุก ๆ วันเราสร้างสารพิษไว้ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว การกิน ดื่ม เคลื่อนไหว การจัดการร่างกาย และอารมณ์ มีผลต่อการก่อพิษและบ่มเพาะเชื้อโรคได้ทั้งสิ้น ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้เราก็ต้องหาวิธีจัดการกับสารพิษเหล่านั้น เรามี 5 เทคนิคมาฝาก ดังนี้ บริหารการกิน เลือกกินอาหารที่มีสรรพคุณล้างพิษได้ดี หลีกเลี่ยงอาหารที่ปลูกโดยใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง เช่น ผักออร์แกนิค หรือปลูกผักทานเอง อาหารที่ช่วยขับพิษได้ดีเป็นอาหารที่มีสารคีเลต (Chelate) ซึ่งเป็นสารที่จะช่วยกำจัดแร่ธาตุที่เป็นโทษออกจากร่างกาย เช่น บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม กุยช่าย ขิงสด ข้าวกล้อง กลุ่มอาหารธัญพืช และอาหารที่มีซีลีเนียม และสังกะสีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษถูกดูดซึมเข้าร่างกาย เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ ผักใบเขียว งา ผักสีเหลือง ถั่วเปลือกแข็ง ปลาซาร์ดีน เป็นต้น อาหารประเภทกากใยดีกับระบบขับถ่าย ควบคุมการดื่มน้ำ ร่างกายมีสัดส่วนที่เป็นน้ำถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ต้องดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1.6-2 ลิตร และดื่มเพิ่มขึ้นเมื่อต้องทำกิจกรรมที่เสียเหงื่อมาก เช่น ออกกำลังกาย,ทำงานกลางแจ้ง… Read More »

เชื่อว่าหลายคนมักจะเกิดอาการง่วงนอนในช่วงกลางวันหรือช่วงบ่าย ๆ กันอย่างแน่นอน บางคนก็พยายามฝืนต่อสู้กับความง่วงด้วยการดื่มกาแฟเข้ม ๆ ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังแรง ๆ หรืออาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ดี อาการง่วงนอนตอนกลางวันนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เพราะมันเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองต้องการพักผ่อนเป็นเวลาสั้น ๆ ระหว่างวัน ซึ่งหากเราได้งีบหลักสักพักหนึ่งก็จะช่วยให้เราสุขภาพดีขึ้น สำหรับระยะเวลาที่เหมาะสมของการนอนกลางวัน แบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1.นอนกลางวัน 10 – 20 นาทีถือเป็นการ “งีบ” หลับเป็นเวลาสั้น ๆ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาพักกลางวันน้อย โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่มีเวลาพักไม่ถึงสองชั่วโมง การงีบหลับ 10-20 นาทีจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ตื่นตัวต่อการทำงานในช่วงบ่ายมากขึ้น แถมยังเป็นการนอนที่ปลุกให้ตื่นง่าย ไม่รู้สึกงัวเงียหรือมึนหัวอีกด้วย 2.นอนกลางวัน 30 นาทีถือเป็นการนอนกลางวันที่ช่วยให้ร่างกายพักผ่อนนานขึ้น แต่ก็มีผลข้างเคียงไม่น้อย เพราะการนอนหลับ 30 นาที จะทำให้สมองเข้าสู่ระยะหลับลึก ทำให้หากถูกปลุกให้ตื่นมักจะมีอาการมึนเหมือนอาการ “แฮงค์” รู้สึกเฉื่อยชา ไม่กระปรี้กระเปร่า และไม่มีสมาธิในการทำงาน 3.นอนกลางวัน 60 นาทีเป็นการนอนที่สมองเข้าสู่ระยะหลับลึกอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น มีผลต่อการจดจำข้อมูลต่าง ๆ… Read More »

การขี้ลืมเป็นปัญหาที่ใคร ๆ ต้องเจอสักครั้งในชีวิต บางคนอาจจะหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีอายุน้อยหรืออายุมากก็ตาม จึงไม่ควรมองข้ามในเรื่องความจำเพราะเกี่ยวข้องกับสมองซึ่งเป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญมากเลยทีเดียว อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปหรือผู้สูงอายุ – โรคขี้ลืมส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปหรือกลุ่มผู้สูงอายุ เหตุผล คือ เป็นวัยที่ฮอร์โมนเพศหายไป ที่ผู้คนนิยมเรียกว่า วัยทอง ซึ่งจะมีอาการที่แปลกไปจากเดิมหลายอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับความจำระยะสั้นที่หายไป เช่น หากได้เจอเพื่อนก็จะจำชื่อเพื่อนในช่วงสมัยเรียนได้หมดซึ่งเป็นเรื่องราวในอดีตแต่กลับลืมกุญแจบ้านและลืมของ อายุน้อยในวัยทำงานหรือวัยกลางคน – กลุ่มคนอายุน้อยในวัยทำงานหรือวัยกลางคน มีโอกาสเป็นโรคขี้ลืมหรือความจำเริ่มถดถอยลงเรื่อย ๆ ได้เช่นกัน เหตุผล คือ เกิดจากการใช้ชีวิตที่เหนื่อยเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้สมองพักได้น้อย คนชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่และเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน – คนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบสังสรรค์ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือชื่นชอบเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน สิ่งเหล่านี้ทำให้วิตามินบีในร่างกายลดน้อยลง ส่งผลให้ปลายประสาทเสื่อมไว กระตุ้นการเกิดอัลไซเมอร์เร็วกว่าปกติ วิธีบำรุงสมองแก้อาการขี้ลืม ก่อนที่จะแก้ไขปัญหาอาการขี้ลืม ควรแยกให้ออกก่อนว่าเป็นการลืมแบบธรรมดาหรือแบบโรคอัลไซเมอร์ ด้วยการวินิจฉัยจากแพทย์ หากเป็นอัลไซเมอร์จะต้องมีการเจาะน้ำกระดูกสันหลังแต่ปัจจุบันวิธีนี้ค่อนข้างยากและมีราคาสูง หลายคนจึงใช้วิธีการสังเกตโรคอัลไซเมอร์จากอาการที่มีลักษณะลืมแล้วลืมเลย เช่น ลืมทางกลับบ้าน ลืมวันเกิดตัวเอง ติดกระดุมเสื้อไม่ได้ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นสัญญาณความจำเสื่อม จะสามารถสังเกตได้ง่าย… Read More »

เด็กเล็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนกระทั่งอนุบาล เป็นช่วงอายุที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโควิด-19 อย่างมาก เพราะระบบภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรง และเด็ก ๆ ก็ยังขาดความระมัดระวังตัวเอง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องศึกษาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กมากยิ่งขึ้น ดังนี้ 1. ฝึกให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ เด็ก ๆ มักจะเผลอใช้นิ้วมือแคะจมูก ขยี้ที่เปลือกตา หยิบขนมเข้าปาก ทำให้เสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคต่าง ๆ ตลอดเวลา จึงต้องฝึกให้เด็กล้างมือบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย โดยใช้น้ำสะอาดและสบู่สูตรอ่อนโยน เพื่อไม่ให้มีปัญหาผิวแห้งแตกคันง่ายจากการล้างมือ นอกจากนี้ ควรให้เด็กพกแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป เพื่อฉีดที่มือในช่วงที่ไม่สะดวกล้างมือด้วย 2. พ่อแม่ทำอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานเอง การให้ลูกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และเตรียมทุกขั้นตอนโดยพ่อแม่ ที่มั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 ที่จะถ่ายทอดไปให้ลูกได้ เป็นสิ่งที่จำเป็นและยังทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงด้วย 3. ให้ลูกแยกภาชนะของใช้กับคนอื่น จานชามแก้วช้อน ล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ที่พ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกแยกการใช้ ต้องเตือนบ่อย ๆ ว่าห้ามใช้ปะปนกับผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันทั้งไวรัสโควิด-19 รวมถึงเชื้ออื่น ๆ เช่น… Read More »

มื้อเย็นเป็นรายการอาหารมื้อสุดท้ายของแต่ละวันที่ใกล้เวลาเข้านอน จึงควรควบคุมระดับพลังงานไม่ให้เกิน 200 แคลอรี่ จึงจะทำให้ลดไขมันส่วนเกินที่จะสะสมในร่างกายได้ เมนูใดบ้างที่ควรเลือกรับประทานเป็นมื้อเย็น 1. หมูย่างจิ้มแจ่วและสลัดผัก หมูย่างแบบไม่ติดมัน สามารถใช้ส่วนเนื้อสันในประยุกต์แทนได้ เพื่อควบคุมแคลอรี่ เลือกน้ำจิ้มแจ่วที่ถูกปากจะทำให้ไม่เบื่อในการควบคุมน้ำหนัก ที่สำคัญ ต้องมีสลัดผักซึ่งอาจเพิ่มไข่ต้มได้อีก 1 ฟอง จะทำให้ได้รับวิตามินและเส้นใยธรรมชาติ จากข้าวโพด ผักกาดเขียว มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ฯลฯ ที่ดีต่อระบบลำไส้ด้วย 2. แกงส้มดอกแค แกงส้มเป็นเมนูอาหารที่ไม่ใส่กะทิและมีรสชาติเปรี้ยวเผ็ด จึงเหมาะกับการรับประทานเป็นมื้อเย็น ทั้งนี้ ดอกแค ยังเป็นผักที่มีเส้นใยสูง ย่อยง่ายและไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จึงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งอาจเพิ่มผักชนิดอื่น ๆ เพื่อได้รับวิตามินที่หลากหลาย เช่น ถั่วฝักยาว หัวไชเท้า ดอกคะน้า ฯลฯ ก็ได้เช่นกัน 3. เกาเหลาตำลึงเลือดหมู เป็นเมนูที่จะรับประทานเป็นมื้อเช้าหรือเย็นก็ได้เช่นกัน มีโปรตีนที่ย่อยง่ายจากเนื้อหมูและได้รับธาตุเหล็กเข้มข้น เพื่อทำให้ระบบการทำงานของเม็ดเลือดมีประสิทธิภาพขึ้น เหมาะกับการฟื้นฟูร่างกาย โดยเฉพาะคนที่เป็นโลหิตจางหรืออยู่ในช่วงมีประจำเดือน หากรับประทานกับข้าวซ้อมมือ ก็จะทำให้ได้รับเส้นใยเพิ่ม ช่วยให้อิ่มได้นานถึงเช้าเลยทีเดียว 4. ส้มตำ ส้มตำเป็นของโปรดของคนไทยจำนวนมาก ซึ่งอาจเลือกเมนูส้มตำไทย… Read More »

ในช่วงฤดูฝนเด็ก ๆ มักจะเจ็บป่วยได้ง่าย เนื่องจากอากาศมีความชื้นสูง ทำให้การถูกละอองฝนแม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้มีอาการเป็นหวัด ปวดหัว เป็นไข้ ฯลฯ ซึ่งอาจติดเชื้อซ้ำซ้อน กลายเป็นโรคที่รุนแรงขึ้น เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ฯลฯ เราจึงได้รวบรวมวิธีการดูแลสุขภาพของลูกช่วงหน้าฝนมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ดังนี้ 1. เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับหน้าฝนให้ลูกใส่ ควรให้ลูกสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะมีรูพรุนที่ทำให้ระบายอากาศดี ไม่เก็บกักความชื้นที่ทำให้อับและทำให้ลูกเป็นโรคกลากเกลื้อนบนผิวหนังง่ายหากถูกฝน ที่สำคัญ เสื้อผ้าสำหรับเด็ก ไม่ควรใช้ผ้าใยสังเคราะห์เพราะจะเกิดอาการคันระคายเคืองผิว หรือ ผ้าที่หนาเกินไปเพราะจะเกิดกลิ่นเหม็นอับที่ไม่พึงประสงค์ได้ง่ายด้วย 2. ให้ลูกพกอุปกรณ์กันฝนเสมอ อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้พกไว้ตลอดช่วงฤดูฝน คือ เสื้อกันฝนขนาดพอดีตัว หากเป็นสีสะท้อนแสงก็จะยิ่งเสริมสร้างความปลอดภัยได้มากขึ้น หรือให้ลูกพกร่มกันฝนขนาดเล็ก ซึ่งมีทั้งแบบมีด้ามจับและแบบสวมศีรษะที่เหมาะกับเด็กเล็ก ขณะเดียวกัน ก็ควรให้ลูกพกผ้าขนหนูติดกระเป๋าไว้ สำหรับเช็ดน้ำฝนที่เปียกศีรษะและตามตัว จะทำให้ลดความเสี่ยงของการเป็นหวัดได้ดีขึ้น 3. ควรเสริมผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ผลไม้ที่ควรให้ลูกรับประทานเพิ่มช่วงฤดูฝน คือ ฝรั่ง ส้ม เชอรี่ สตรอว์เบอร์รี ฯลฯ เพราะมีวิตามินซีสูง ทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง ป้องกันเชื้อไวรัสหวัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การทำเมนูอาหารจากผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักกาดเขียว… Read More »

การใช้เวลาในแต่ละวันเป็นสิ่งที่จะต้องมีการวางแผนเพื่อให้เวลา 24 ชั่วโมงของคุณมีความคุ้มค่าแม้แต่เวลาหลังรับประทานอาหารมื้อเย็นคุณก็สามารถใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ได้เพื่อสุขภาพกายและใจได้ ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมสิ่งที่คุณควรทำหลังอาหารเย็นมาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปประยุกต์กับกิจวัตรประจำได้ดียิ่งขึ้น 1. การเดินเล่นหลังรับประทานอาหารเย็น จะช่วยทำให้ระบบการย่อยทำได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด กระตุ้นเผาผลาญสารอาหาร ทำให้ลดโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานต่อเนื่องมาตลอดทั้งวันได้ดียิ่งขึ้นด้วย 2. ใช้เวลาร่วมกับสมาชิกในครอบครัวดูหนังฟังเพลง หรือ สอนการบ้าน เล่นเกมกับลูก เป็นเทคนิคการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังอาหารเย็นที่ได้ผลดี 3. ถ้ามีสัตว์เลี้ยง คุณควรจะใช้ช่วงเวลาหลังอาหารเย็นในการเล่นหรือเดินออกกำลังกายกับสัตว์เลี้ยง จะทำให้คุณผ่อนคลายอารมณ์จากเรื่องเครียดในที่ทำงานได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการลดความเครียดของสัตว์เลี้ยงได้พร้อมกันด้วย 4. ใช้เวลากับหนังสือเล่มโปรด รวมถึงการดูคลิปวิดีโอใน YouTube ที่เป็นแนวสนุกสนานสร้างความบันเทิง จะทำให้คุณอารมณ์ดี ช่วยให้สมองผ่อนคลายและทำให้นอนหลับได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น 5. สำหรับคนที่ท้องผูกง่าย ควรรับประทานโยเกิร์ตเพิ่มหลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน โดยเลือกโยเกิร์ตแบบน้ำตาลและไขมันต่ำ ขอแนะนำให้เติมธัญพืช เช่น ข้าวโพด ลูกเดือย งาดำ ฯลฯ เพื่อให้ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยปรับระบบการทำงานของลำไส้และทำให้ระบบขับถ่ายในตอนเช้าดีขึ้นด้วย รวมถึงทำให้ได้รับวิตามิน เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกายด้วย 6. การมาสก์หน้าระหว่างรอเวลาย่อยอาหาร เป็นการบำรุงผิวหน้า เสริมสร้างความอ่อนเยาว์หลังจากการสัมผัสกับมลพิษและความตึงเครียดมาตลอดทั้งวัน หากทำสม่ำเสมอ เพียงใช้เวลาวันละ 15-30… Read More »